1. คำสั่งซื้อ
  2. วิธีตั้งค่าใบปะหน้าพัสดุ (How To Configure Shipping Label Settings)

วิธีตั้งค่าใบปะหน้าพัสดุ (How To Configure Shipping Label Settings)

1. Introduction แนะนำเบื้องต้น
2. General Shipping Label Settings การตั้งค่าใบปะหน้าพัสดุทั่วไป
3. Shipping Label Settings By Platforms การตั้งค่าใบปะหน้าพัสดุแยกตามแพลตฟอร์ม

1. แนะนำเบื้องต้น (Introduction)

ใบปะหน้าพัสดุ (Shipping Labels) ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์ เนื่องจากมีข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้การจัดส่งพัสดุเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปจะประกอบด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ที่อยู่ผู้รับ หมายเลขติดตามพัสดุ (Tracking Number) และ ข้อมูลผู้ส่ง

ในหน้าการตั้งค่าป้ายกำกับการจัดส่ง (Shipping Label Settings) คุณสามารถปรับแต่งข้อมูลที่จะแสดงบนป้ายกำกับได้ รวมถึงกำหนดค่าของเอกสารสำคัญอื่น ๆ เช่น ใบจัดสินค้า (pick list), ใบแพ็คสินค้า (packing list) และใบแจ้งหนี้ (invoice)

ในเมนู การตั้งค่าใบปะหน้าพัสดุ (Shipping Label Settings) คุณสามารถปรับแต่งข้อมูลที่จะแสดงบนใบปะหน้าได้ตามต้องการ รวมถึงสามารถตั้งค่าการพิมพ์เอกสารสำคัญอื่น ๆ ได้ เช่น ใบจัดเตรียมสินค้า (Pick List), ใบแพ็กของ (Packing List) และ ใบแจ้งหนี้ (Invoice)


2. การตั้งค่าใบปะหน้าพัสดุแยกตามแพลตฟอร์ม (General Shipping Label Settings)

ขั้นตอนที่ 1: ไปที่เมนู Orders > All Orders ซึ่งจะแสดงคำสั่งซื้อทั้งหมดจาก Marketplace ที่ถูกซิงค์เข้ามาในหน้านี้ จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Order Processing เพื่อกำหนดค่าการตั้งค่าป้ายกำกับการจัดส่ง (Shipping Label Settings)

ไปที่เมนู คำสั่งซื้อทั้งหมด > การประมวลผลคำสั่งซื้อ ระบบจะซิงก์และแสดงรายการคำสั่งซื้อทั้งหมดจากทุก Marketplace ไว้ในหน้านี้
จากนั้นคลิกปุ่ม Order Processing เพื่อเข้าสู่การตั้งค่า Shipping Label Settings

ขั้นตอนที่ 2: หากเป็นการตั้งค่าครั้งแรก ระบบจะพาคุณไปยังหน้า การตั้งค่าใบปะหน้าพัสดุ (Shipping Label Settings) โดยอัตโนมัติ

หากคุณเคยตั้งค่าไว้แล้วก่อนหน้านี้ สามารถคลิกที่ ไอคอน (…) > การตั้งค่าใบปะหน้าพัสดุ เพื่อเข้าสู่หน้าการตั้งค่าเดิมได้เช่นกัน

ขั้นตอนที่ 3: ในหัวข้อ ทั่วไป คุณสามารถตั้งค่ารูปแบบการแสดงรายการสินค้า (Item Display) ในหน้าจัดการคำสั่งซื้อ (Order Processing) ได้ โดยการตั้งค่านี้จะถูกนำไปใช้กับทุก Marketplace รวมถึง Webstore และช่องทางอื่น ๆ

1. แสดงสินค้าจากมาร์เก็ตเพลส: ชื่อสินค้าที่แสดงในรายละเอียดคำสั่งซื้อจะเป็น ชื่อสินค้าตามที่แสดงใน Marketplace


2. แสดงสินค้าคงคลัง: หากสินค้ารายการนั้นเชื่อมโยงกับระบบสต็อกของ SiteGiant ชื่อสินค้าที่แสดงในรายละเอียดคำสั่งซื้อจะเป็น ชื่อสินค้าตามที่ตั้งไว้ในระบบคลังสินค้า (Inventory)


3. แยกชุดสินค้าเป็นรายการเดี่ยว: เปิดใช้งานเพื่อแสดงรายการสินค้าย่อยทั้งหมดภายในชุดสินค้า (Kit)


4. แปลงหน่วยวัดเป็นปริมาณพื้นฐาน: เปิดใช้งานเพื่อแสดงรายการสินค้าในรูปแบบ รหัสสินค้า iSKU หลัก (Base iSKU)



3. การตั้งค่าป้ายกำกับการจัดส่งตามแต่ละแพลตฟอร์ม (Shipping Label Settings By Platforms)

Lazada

ขั้นตอนที่ 1: เลือกช่องทาง Lazada > ตั้งค่าผู้ให้บริการขนส่งเริ่มต้น (Default Shipping Provider) ตามที่คุณต้องการ > ตั้งค่าสถานะคำสั่งซื้อที่จะอัปเดตเมื่อคุณทำการจัดส่งคำสั่งซื้อ Lazada

⚠️สำคัญ: แนะนำให้ตั้งค่าสถานะเป็น แพ็คแล้ว เพื่อให้มีเวลาเพียงพอสำหรับการเตรียมพัสดุก่อนที่พนักงานขนส่งจะมารับ หากคุณตั้งค่าสถานะเป็น พร้อมจัดส่ง กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าพัสดุของคุณถูกแพ็คเรียบร้อยและพร้อมสำหรับการส่งมอบให้กับทีมขนส่งของ Lazada (Lazada Logistics) มิฉะนั้นอาจมีค่าปรับในกรณี Lazada Package Not Ready (PNR)

ขั้นตอนที่ 2: ไปที่ เทมเพลตใบปะหน้าพัสดุ จากนั้นสามารถเลือกเทมเพลต และปรับแต่งช่องข้อมูลที่ตามต้องการ ให้แสดงบนใบปะหน้าพัสดุ (Shipping Label)

ขั้นตอนที่ 3: ไปที่ เทมเพลตใบหยิบสินค้า (Picking List Template) ใบหยิบสินค้า (Pick List) คือเอกสารที่ช่วยแนะนำพนักงานคลังสินค้าในขั้นตอนการหยิบสินค้า ซึ่งจะถูกพิมพ์แยกจากใบปะหน้าพัสดุ (Shipping Label) คุณสามารถปรับแต่งเทมเพลตใบหยิบสินค้าได้ตามต้องการ

ขั้นตอนที่ 4: ไปที่ เทมเพลตรายการแพ็คสินค้า (Packing List Template) รายการแพ็คสินค้า (Packing List) คือเอกสารที่แนบมากับพัสดุ และให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่อยู่ภายในกล่อง โดยสามารถปรับแต่งเทมเพลตรายการแพ็คสินค้าได้เอง

📌 หมายเหตุ: คุณสามารถเลือกติ๊กที่ตัวเลือก แยกชุดสินค้าออกเป็นรายการย่อย (Split kit into individual items) ได้จาก เทมเพลตใบปะหน้าพัสดุ (Shipping Label Template), เทมเพลตใบหยิบสินค้า (Pick List Template) และ เทมเพลตใบแพ็คสินค้า (Packing List Template) เพื่อแสดงรายการสินค้าทั้งหมดในชุดสินค้า (ในกรณีที่เป็นสินค้าคอมโบ)

ขั้นตอนที่ 5: ไปที่ เทมเพลตใบแจ้งหนี้ (Invoice Template) ใบแจ้งหนี้ (Invoice) คือเอกสารที่ออกให้กับลูกค้าเพื่อใช้เป็นหลักฐานการสั่งซื้อ หรือใช้ในการเรียกเก็บเงินอย่างเป็นทางการ โดยคุณสามารถปรับแต่งรูปแบบของใบแจ้งหนี้ (Invoice) ได้ตามต้องการ

ขั้นตอนที่ 6: ไปที่ การตั้งค่าบริการขนส่ง (Courier Service Settings) คลิกที่ไอคอนแก้ไข (Edit) เพื่อกำหนดรูปแบบเทมเพลตใบปะหน้าพัสดุ (Shipping Label Template) และเอกสารสำหรับผู้ให้บริการขนส่งที่คุณเลือกใช้

ขั้นตอนที่ 7: เลือก เทมเพลตใบปะหน้าพัสดุและจำนวนฉบับของใบปะหน้าพัสดุ > เลือกเอกสารที่คุณต้องการพิมพ์พร้อมกับใบปะหน้าพัสดุ > คลิก นำไปใช้ เพื่อบันทึกการตั้งค่า

ขั้นตอนที่ 8: หากคุณมีหลายร้านค้าใน Lazada และต้องการตั้งค่าให้เหมือนกันกับร้านที่ตั้งค่าไว้แล้ว ให้คลิก คัดลอกการตั้งค่า ที่มุมขวาบน > เลือกร้านค้าและการตั้งค่า > คลิก คัดลอก

ขั้นตอนที่ 9: เมื่อกำหนดค่าทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ให้คลิก บันทึก เพื่อบันทึกการตั้งค่าของใบปะหน้าพัสดุ (Shipping Label Settings)

Shopee

ขั้นตอนที่ 1: เลือกช่องทาง Shopee > เลือกขนาดกระดาษ > กรอกรายละเอียดผู้ส่ง ซึ่งจะแสดงในส่วนข้อมูลผู้ส่งของใบปะหน้าพัสดุ (Shipping Label)

ขั้นตอนที่ 2: ปรับแต่งรูปแบบใบปะหน้าพัสดุ (Shipping Label), ใบหยิบสินค้า (Pick List), รายการแพ็คสินค้า (Packing List), และเทมเพลตใบแจ้งหนี้ (Invoice Template) ให้เหมาะสมกับความต้องการและรูปแบบธุรกิจของคุณ การตั้งค่าผู้ให้บริการขนส่ง (Courier Services Settings) จะแสดงบริการขนส่งที่รองรับโดย Shopee คุณสามารถคลิกปุ่ม แก้ไข เพื่อกำหนดค่าเทมเพลตใบปะหน้าพัสดุและเอกสารสำหรับบริการขนส่งที่เลือกใช้

ขั้นตอนที่ 3: เลือกวิธีการจัดส่งสินค้า (Arrange Shipment Method), โลโก้หัวกระดาษ (Header Logo), เทมเพลตใบปะหน้าพัสดุ, และจำนวนใบปะหน้าพัสดุที่ต้องการพิมพ์ > เลือกเอกสารที่คุณต้องการพิมพ์พร้อมกับใบปะหน้าพัสดุ > คลิก นำไปใช้

1. รับสินค้า: คำสั่งซื้อจะถูกนัดรับพัสดุโดยอัตโนมัติ โดยอ้างอิงจากช่วงเวลารับพัสดุที่ใกล้ที่สุดและที่อยู่สำหรับรับพัสดุที่ตั้งค่าไว้เป็นค่าเริ่มต้นในขั้นตอนการนัดจัดส่งสินค้า (Arrange Shipment)

2. ส่งที่จุดบริการ: คำสั่งซื้อจะถูกจัดเตรียมสำหรับการนำส่งด้วยตนเอง (Dropoff) โดยอัตโนมัติในขั้นตอนการนัดจัดส่งสินค้า (Arrange Shipment)

3. เลือกด้วยตนเอง: สามารถเลือกวิธีจัดส่งระหว่าง Dropoff หรือ Pickup พร้อมทั้งเลือกช่วงเวลาที่ต้องการได้ในขั้นตอนการนัดจัดส่งสินค้า (Arrange Shipment)แนะนำให้ใช้วิธีนี้สำหรับการนัดรับพัสดุ เนื่องจากสามารถเลือกช่วงเวลารับพัสดุที่สะดวก และเปลี่ยนแปลงที่อยู่รับพัสดุได้ตามต้องการ

ขั้นตอนที่ 4: สำหรับบางผู้ให้บริการขนส่ง คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการแสดงรายละเอียดผู้ขาย เช่น ชื่อ และเบอร์โทรศัพท์บนใบปะหน้าพัสดุ (Shipping Label) หรือไม่

ขั้นตอนที่ 5: ทำการ คัดลอกการตั้งค่า หากคุณมีหลายร้านใน Shopee และต้องการใช้การตั้งค่าเดียวกัน > กด บันทึก

Tiktok

ขั้นตอนที่ 1: เลือกช่องทาง TikTok > ตั้งค่าเทมเพลตใบปะหน้าพัสดุและการตั้งค่าทั้งหมดตามที่แสดงไว้สำหรับ Lazada และ Shopee > ใช้ คัดการลอดการตั้งค่า หากต้องการ และกด บันทึก

ร้านค้าออนไลน์และอื่น ๆ (Webstore And Others)

ร้านค้าออนไลน์และคำสั่งซื้ออื่น ๆใช้สำหรับประมวลผลคำสั่งซื้อที่มาจาก SiteGiant ERP Webstore, Unicart Webstore, รวมถึงคำสั่งซื้อแบบ Delivered by Seller (DBS) จาก Lazada, Shopee และ TikTok เป็นต้น

ขั้นตอนที่ 1: เลือก ร้านค้าออนไลน์และช่องทางอื่น ๆ > เมนู การตั้งค่าบริการขนส่ง ให้ทำการเชื่อมต่อ (Integrate) และเปิดใช้งานสถานะของบริษัทขนส่งที่คุณต้องการใช้ในการประมวลผลคำสั่งซื้อ

ขั้นตอนที่ 2: บริษัทขนส่งแต่ละรายจะมี API Key สำหรับการเชื่อมต่อระบบ (Integration) เป็นของตนเอง ซึ่งคุณจะต้องขอรับข้อมูลนี้จากบริษัทขนส่งนั้น ๆ แล้วกรอกลงในช่องที่เกี่ยวข้อง > จากนั้นกรอกรายละเอียดผู้ส่ง (Sender Details) และตั้งค่าอื่น ๆ > คลิก ใช้ เพื่อบันทึก

ขั้นตอนที่ 3: ตั้งค่าเทมเพลตใบปะหน้าพัสดุและการตั้งค่าอื่น ๆ ทั้งหมด > กด บันทึก

บทความนี้มีประโยชน์กับคุณหรือไม่?

ต้องการความช่วยเหลือ?
ไม่เจอคำตอบที่ต้องการใช่ไหม? อย่ากังวล ทีมงานของเราพร้อมช่วยเหลือคุณ
ติดต่อเรา